การทำงานเป็นทีม
แนวคิดหลักในการเป็นทีมนั้นก็เพื่อที่มุ่งหวังให้งานที่ทำนั้นมีประสิทธิภาพที่สูงสุด
เพราะการทำงานเป็นทีมนั้นต้องมีการร่วมมือกันจากบุคคลหลายๆบุคคล
จึงทำให้มีโอกาสที่จะได้วางแผนที่ดี มีระบบทำงานที่ดี ปลูกฝังความสามัคคี
มีความเสียสละ รู้จักภาวะ การเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี
มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน และฝันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน
จนทำให้งานที่ร่วมกันทำด้วยกันนั้นประสบความสำเร็จออกมาอย่างที่ตั้งใจไว้
ซึ่งวิธีการทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพได้นั้นทุกคนก็จะต้องยอมรับความเหมือนและความแตกต่างและอุปนิสัยของบุคคลในทีมได้
รู้จักการเสียสละ นำประสบการณ์ของแต่คนมาเป็นความรู้และวิธีการในการดำเนินงานให้เป็นประสิทธิภาพ
และต้องมีการวางแผนในการทำงานอย่างเป็นระบบ เช่น
ในวันแรกทุกคนมีหน้าที่ร่วมกันร่างแผนการปฏิบัติงาน
วันที่สองอธิบายจุดประสงค์ของงานที่เราจะต้องทำร่วมกัน
วันที่สามแบ่งหน้าที่การทำงาน อีกห้าวันรวบรวมชิ้นงานและประเมินผลชิ้นงาน
วันต่อไปก็มีการแก้ไขจุดบกพร่องของชิ้นงาน
หลังจากนั้นก็รวบรวมชิ้นงานอีกครั้งและทำการประเมินชิ้นงานใหม่
หากเห็นพร้อมกันว่าชิ้นงานนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีแล้วก็จะจัดทำการเรียบเรียงชิ้นงาน
และทำการวิเคราะห์และประเมินผลต่อไป
การทำงานให้มีประสิทธิภาพมีหลายวิธี วิธีที่ผมคิดว่าน่าจะดีคือ
- มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
-
จัดการด้วยตนเอง
- พึ่งพาตัวเอง
-
ขนาดของกลุ่มที่พอเหมาะ
ตัวอย่างเช่น
ทีมมีความเป็นหนึ่งเดียวกันสมาชิกของทีมที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ทุก ๆ คนจะถูกดึงเข้ามาในทิศทางเดียวกันเพื่อให้บรรลุความสำเร็จในงาน และ /
หรือบรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยทั่วไปแล้วงาน และ / หรือเป้าหมายอาจบรรลุได้เมื่อทำงานร่วมกันแทนที่จะต่างคนต่างทำ
ทีมงานที่มีประสิทธิภาพจะมีลักษณะโดดเด่นและสมาชิกทุกคนมีความรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมในความสำเร็จด้วย
จัดการด้วยตนเอง
ทีมงานที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมีแนวโน้มว่าจะสร้างโครงสร้างเฉพาะตนขึ้นมา
เนื่องจากสมาชิกยอมรับบทบาท ของตนในเวลาต่าง ๆ กัน คล้อยตามความจำเป็น
ความต้องการและความสามารถของตน
บางคนอาจมีประสบการณ์ในงานเฉพาะอย่างจึงอาจเป็นคนจัดการให้คนอื่น ๆ ทำตาม คนอื่น ๆ
ก็จะทำหน้าที่ในกิจกรรมของตนไปในงานที่เขาคุ้นเคย
พฤติกรรมเหล่านี้จะถูกพัฒนาไปในแนวของโครงสร้างองค์กร
และสมาชิกทุกคนจะต้องปฏิบัติตามพึ่งพาตัวเองสมาชิกของทีมที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะร่วมมือกับคนอื่น
ๆ เพื่อทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งหรือทำให้เป้าหมายสำเร็จอย่างไม่หลีกเลี่ยง
ร่วมกันทำงานตามกำลังความสามารถของตนเอง ให้คำปรึกษาแนะนำและชักจูงเมื่อจำเป็น
ร่วมประสานงานในหน้าที่และแก้ไขปัญหาอุปสรรคร่วมกัน
ทุกคนต่างเอื้ออาทรช่วยเหลือกันและมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ถ้ามีบุคคลหนึ่งบุคคลใดทำงานเกินกำลังหรือประสบปัญหายุ่งยากอันใดพวกเขาจะร่วมมือกัน
เช่น อาจปกปิดคนที่มาทำงานสายหรือ เลิกงานก่อนเวลา ขนาดของกลุ่มที่พอเหมาะโดยทั่วไปแล้วทีมงานที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมักจะมีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่โตเกินไปนัก
เพื่อให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มสามารถเข้ามามีส่วนร่วมสร้างสรรค์และจัดการด้วยตัวเองได้
แบ่งงานกันทำอย่างยุติธรรม แบ่งปันความคิดเห็นและความรู้สึกอย่างเปิดเผย ร่วมกันคิดแก้ปัญหาอย่างฉับไวและทันกาล
สมาชิกสัก 5 คนต่อทีมเป็นขนาดที่กำลังพอดี
ถ้ามากไปกว่านั้นอาจเสียเวลาในการอภิปรายกลุ่ม
ในขณะที่สมาชิกคนหนึ่งหรือสองคนกำลังทำงาน คนอื่น ๆ อาจไม่เข้าไปมีส่วนร่วมมากนัก
อาจมีการจัดกลุ่มที่มีสมาชิกน้อยกว่า 5 คน ซึ่งจะมีบุคคลที่มีความสามารถไม่เพียงพอ
หรือมีความรู้ไม่เพียงพอ
รวมทั้งความเชี่ยวชาญในงานก็อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้งานสำเร็จอย่างเรียบร้อย
แต่ไม่ว่ากลุ่มจะมีสมาชิกมากน้อยเพียงใดก็ตาม
ท่านอาจไม่อยู่ในสถานะที่จะคัดเลือกได้
จำนวนสมาชิกเลขคี่จะดูสมเหตุสมผลกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญปัญหาเสียงครึ่งหนึ่งเห็นอย่างหนึ่งเสียงอีกครึ่งหนึ่งเห็นอีกแบบหนึ่งในการตัดสินปัญหาใด
ๆ
การรู้จักเพื่อนร่วมทีมอีกอย่างหนึ่งที่ควรจำก็คือท่านไม่ควรมีทัศนะต่อเพื่อนร่วมทีมทุกคนว่าจะมีประสิทธิภาพเป็นแบบเดียวกัน
เพราะทุกคนจะมีบุคลิกภาพที่แตกต่างกันไป จึงควรพิจารณาให้ต่างทัศนะกันไป
อย่างไรก็ตามบางคนก็อาจมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกันแบบที่เราจะกล่าวต่อไป
แต่โปรดระมัดระวังอย่าไปคิดว่าคุณลักษณะที่สมบูรณ์ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันทีเดียวนัก
เพราะว่าเขาหรือเธออาจมีเพียงบางอย่างที่สอดคล้องกัน จึงจำเป็นต้องรู้จักคนแต่ละคนเป็นอย่างดีครับ
จึงจะทำให้การทำงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น