วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 4


การทำงานเป็นทีม
แนวคิดหลักในการเป็นทีมนั้นก็เพื่อที่มุ่งหวังให้งานที่ทำนั้นมีประสิทธิภาพที่สูงสุด เพราะการทำงานเป็นทีมนั้นต้องมีการร่วมมือกันจากบุคคลหลายๆบุคคล จึงทำให้มีโอกาสที่จะได้วางแผนที่ดี มีระบบทำงานที่ดี ปลูกฝังความสามัคคี มีความเสียสละ รู้จักภาวะ การเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน และฝันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน จนทำให้งานที่ร่วมกันทำด้วยกันนั้นประสบความสำเร็จออกมาอย่างที่ตั้งใจไว้
ซึ่งวิธีการทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพได้นั้นทุกคนก็จะต้องยอมรับความเหมือนและความแตกต่างและอุปนิสัยของบุคคลในทีมได้ รู้จักการเสียสละ นำประสบการณ์ของแต่คนมาเป็นความรู้และวิธีการในการดำเนินงานให้เป็นประสิทธิภาพ และต้องมีการวางแผนในการทำงานอย่างเป็นระบบ เช่น ในวันแรกทุกคนมีหน้าที่ร่วมกันร่างแผนการปฏิบัติงาน วันที่สองอธิบายจุดประสงค์ของงานที่เราจะต้องทำร่วมกัน วันที่สามแบ่งหน้าที่การทำงาน อีกห้าวันรวบรวมชิ้นงานและประเมินผลชิ้นงาน วันต่อไปก็มีการแก้ไขจุดบกพร่องของชิ้นงาน หลังจากนั้นก็รวบรวมชิ้นงานอีกครั้งและทำการประเมินชิ้นงานใหม่ หากเห็นพร้อมกันว่าชิ้นงานนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีแล้วก็จะจัดทำการเรียบเรียงชิ้นงาน และทำการวิเคราะห์และประเมินผลต่อไป
การทำงานให้มีประสิทธิภาพมีหลายวิธี วิธีที่ผมคิดว่าน่าจะดีคือ
- มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
              - จัดการด้วยตนเอง
              - พึ่งพาตัวเอง
              - ขนาดของกลุ่มที่พอเหมาะ
        ตัวอย่างเช่น ทีมมีความเป็นหนึ่งเดียวกันสมาชิกของทีมที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุก ๆ คนจะถูกดึงเข้ามาในทิศทางเดียวกันเพื่อให้บรรลุความสำเร็จในงาน และ / หรือบรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยทั่วไปแล้วงาน และ / หรือเป้าหมายอาจบรรลุได้เมื่อทำงานร่วมกันแทนที่จะต่างคนต่างทำ           ทีมงานที่มีประสิทธิภาพจะมีลักษณะโดดเด่นและสมาชิกทุกคนมีความรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมในความสำเร็จด้วย จัดการด้วยตนเอง
ทีมงานที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมีแนวโน้มว่าจะสร้างโครงสร้างเฉพาะตนขึ้นมา เนื่องจากสมาชิกยอมรับบทบาท ของตนในเวลาต่าง ๆ กัน คล้อยตามความจำเป็น ความต้องการและความสามารถของตน บางคนอาจมีประสบการณ์ในงานเฉพาะอย่างจึงอาจเป็นคนจัดการให้คนอื่น ๆ ทำตาม คนอื่น ๆ ก็จะทำหน้าที่ในกิจกรรมของตนไปในงานที่เขาคุ้นเคย พฤติกรรมเหล่านี้จะถูกพัฒนาไปในแนวของโครงสร้างองค์กร และสมาชิกทุกคนจะต้องปฏิบัติตามพึ่งพาตัวเองสมาชิกของทีมที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะร่วมมือกับคนอื่น ๆ เพื่อทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งหรือทำให้เป้าหมายสำเร็จอย่างไม่หลีกเลี่ยง ร่วมกันทำงานตามกำลังความสามารถของตนเอง ให้คำปรึกษาแนะนำและชักจูงเมื่อจำเป็น ร่วมประสานงานในหน้าที่และแก้ไขปัญหาอุปสรรคร่วมกัน ทุกคนต่างเอื้ออาทรช่วยเหลือกันและมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้ามีบุคคลหนึ่งบุคคลใดทำงานเกินกำลังหรือประสบปัญหายุ่งยากอันใดพวกเขาจะร่วมมือกัน เช่น อาจปกปิดคนที่มาทำงานสายหรือ เลิกงานก่อนเวลา           ขนาดของกลุ่มที่พอเหมาะโดยทั่วไปแล้วทีมงานที่ประสบความสำเร็จในการทำงานมักจะมีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่โตเกินไปนัก เพื่อให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มสามารถเข้ามามีส่วนร่วมสร้างสรรค์และจัดการด้วยตัวเองได้ แบ่งงานกันทำอย่างยุติธรรม แบ่งปันความคิดเห็นและความรู้สึกอย่างเปิดเผย ร่วมกันคิดแก้ปัญหาอย่างฉับไวและทันกาล สมาชิกสัก 5 คนต่อทีมเป็นขนาดที่กำลังพอดี ถ้ามากไปกว่านั้นอาจเสียเวลาในการอภิปรายกลุ่ม ในขณะที่สมาชิกคนหนึ่งหรือสองคนกำลังทำงาน คนอื่น ๆ อาจไม่เข้าไปมีส่วนร่วมมากนัก อาจมีการจัดกลุ่มที่มีสมาชิกน้อยกว่า 5 คน ซึ่งจะมีบุคคลที่มีความสามารถไม่เพียงพอ หรือมีความรู้ไม่เพียงพอ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในงานก็อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้งานสำเร็จอย่างเรียบร้อย แต่ไม่ว่ากลุ่มจะมีสมาชิกมากน้อยเพียงใดก็ตาม ท่านอาจไม่อยู่ในสถานะที่จะคัดเลือกได้ จำนวนสมาชิกเลขคี่จะดูสมเหตุสมผลกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญปัญหาเสียงครึ่งหนึ่งเห็นอย่างหนึ่งเสียงอีกครึ่งหนึ่งเห็นอีกแบบหนึ่งในการตัดสินปัญหาใด ๆ การรู้จักเพื่อนร่วมทีมอีกอย่างหนึ่งที่ควรจำก็คือท่านไม่ควรมีทัศนะต่อเพื่อนร่วมทีมทุกคนว่าจะมีประสิทธิภาพเป็นแบบเดียวกัน เพราะทุกคนจะมีบุคลิกภาพที่แตกต่างกันไป จึงควรพิจารณาให้ต่างทัศนะกันไป อย่างไรก็ตามบางคนก็อาจมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกันแบบที่เราจะกล่าวต่อไป แต่โปรดระมัดระวังอย่าไปคิดว่าคุณลักษณะที่สมบูรณ์ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันทีเดียวนัก เพราะว่าเขาหรือเธออาจมีเพียงบางอย่างที่สอดคล้องกัน จึงจำเป็นต้องรู้จักคนแต่ละคนเป็นอย่างดีครับ จึงจะทำให้การทำงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น